ไอ.พี. วัน บริษัท FMCGs สัญชาติไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด จนสามารถนำพาแบรนด์ไทยขึ้นเป็นอันดับท็อปๆ ของตลาด สร้างความภูมิใจให้กับบริษัทคนไทยที่ประสบความสำเร็จในตลาดนี้แถมยังมีการเติบโตมากกว่าตลาดรวม ตอกย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนมาตลอดกว่า 52 ปี
ไอ.พี. วัน มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด 6 แบรนด์ ได้แก่ ไฮยีน ซึ่งเป็นแฟลกชิพโปรดักต์ของ ไอ.พี. วัน ตอกย้ำการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ในหมวดการดูแลเสื้อผ้าแบบ Total Fabric Care เพราะนอกจากน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้ว ไฮยีนยังมีผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ น้ำยาซักผ้า น้ำยารีดผ้าเรียบ สเปรย์หอมปรับผ้าเรียบ และถุงหอมช่วยลดกลิ่นอับ, ไอวี่ ผลิตภัณฑ์ในหมวดอาหาร นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม และ Asian Drink, วิกซอล ผลิตภัณฑ์ในหมวดทำความสะอาดห้องน้ำ, วิซ ผลิตภัณฑ์ในหมวดดูแลทำความสะอาดบ้าน มีทั้ง น้ำยาถูพื้น น้ำยาเช็ดกระจก รวมถึงแดนซ์ และโฟกัส ผลิตภัณฑ์ในหมวดการดูแลร่างกายประเภทน้ำหอม และโคโลญซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนแข็งแกร่งและทำตลาดได้ดีไม่แพ้กัน
คุณชยนต์ เจตน์จิราวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานกลยุทธ์และกลุ่มงานคอมเมอร์เชียล บริษัท ไอ.พี. วัน จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จที่ทำให้ ไอ.พี. วัน เติบโตมาอย่างยั่งยืน สามารถครอง Penetration ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Home Care รวมกันมากกว่า 75% เพราะให้ความสำคัญใน 3 เรื่องเป็นหัวใจในการทำงานมาตลอด 52 ปี นั่นคือ High Quality, Insightful Innovation และ People
High Quality โดยมาจากหลักการทำงานของ คุณอุทัย ธเนศวรกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ไอ.พี. วัน ที่มองว่าการเติบโตอย่างยั่งยืนและอยู่ได้นานสินค้าต้องดีมีคุณภาพเท่านั้น ดังนั้นวัตถุดิบที่ใช้จึงต้องมีคุณภาพสูงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ เพื่อส่งมอบคุณค่าให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่ดี มีชีวิตดีขึ้น ตามปรัชญาของบริษัท Innovate Passionately For The Future Of Better Living มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคตการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น
Insightful Innovation เป็นหลักการทำงานถัดมาที่ ไอ.พี. วัน ยึดมั่น โดยมีทีมการตลาดที่ทำวิจัยตลาด และทีม R&D ของตัวเอง เพื่อหาอินไซต์ทั้งความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค และทำความเข้าใจตลาด แล้วนำดาต้าทั้งหมดมาวิเคราะห์ ซึ่งนำมาสู่ Innovation คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ทำให้สินค้าหลายๆ ตัวประสบความสำเร็จจนเป็น Top of Mind ในใจผู้บริโภค
ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ในตลาดส่วนใหญ่พูดถึงจุดขายในการเน้นกลิ่นหอม แต่เมื่อ ไอ.พี. วัน ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างจริงจังแล้ว พบว่าผู้บริโภคไม่ได้ต้องการเพียงแค่กลิ่นหอมเท่านั้น จึงนำเสนอ Experiential Segment คือการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ที่เรามองว่าเป็น White space ของการเติบโต เช่นใน Segment Core Caring และ Nature ซึ่งปัจจุบันไฮยีนมีการเติบโตทั้ง 2 Segments นี้ ตัวอย่างเช่น ไฮยีน เนเจอร์ บูสเตอร์ (Hygiene Nature Booster) ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ บูสเตอร์ความหอมสกัดจากธรรมชาติ 100% หอมติดผ้ายาวนานกว่าเดิมถึง 5 เท่า ให้กลิ่นหอมสดชื่น ฮีลใจราวกับถูกโอบกอดจากธรรมชาติ ด้วย 2 กลิ่นใหม่ กลิ่น ซัน สกาย และกลิ่น แอร์รี่ สกาย เป็นการส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Experiential Innovation ของแบรนด์ไฮยีนได้เป็นอย่างดี
หรือผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำ ไฮยีนเอ็กซ์เพิร์ทวอช มาจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่กว่า 70% มีเวลาจำกัด แต่ยังต้องแยกผ้าซัก จึงค้นคว้า วิจัย เทคโนโลยี Anti-Color Transfer ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ Pain Point ให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตง่ายขึ้น สามารถซักผ้าสีและผ้าขาวพร้อมกัน ด้วยเทคโนโลยีการล็อกสีที่หลุดจากผ้าไม่ให้ไปติดเสื้อตัวอื่น ทั้งยังทำให้ผ้าสียังคงสดใส ซักรวมได้
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ไฮยีนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค จนได้รางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคเลือกซื้อมากที่สุด (The Most Chosen Brand) จาก Kantar Brand Footprint Award Thailand ถึง 5 ปีซ้อน
อ่านต่อได้ที่นี่:
Facebook: https://www.facebook.com/share/p/bnT1bvkhvDCFAHcT/?mibextid=oFDknk
Website: https://is.gd/ZAUldj